ฮวงจุ้ยยุค 9 คืออะไร ทำไมต้องกล่าวถึงความสำคัญของผู้หญิง (มีบทความเก่า หาอ่านได้นะครับ)
ตามหลักฮวงจุ้ย ยุค 9 เป็นตัวแทนของธาตุไฟ ซึ่งสัมพันธ์กับสัญลักษณ์หลีกว้า (Li Kua) ในความหมายของฮวงจุ้ยนั้น ธาตุไฟเชื่อมโยงกับผู้หญิงสาว ดังนั้น ยุค 9 จึงถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงสาวจะมีบทบาทโดดเด่นในสังคมอย่างมาก ทั้งในแง่ของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ในทางฮวงจุ้ย ธาตุไฟยังหมายถึงพลังงาน ความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่น และความเป็นผู้นำ ซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะของผู้หญิงในยุคปัจจุบันที่มีความเข้มแข็ง กล้าแสดงออก และพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ธุรกิจ หรือแม้แต่ในครอบครัว
จากการศึกษาประวัติศาสตร์
พบว่ามีผู้นำหญิงที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงหลายท่านที่มีบทบาทสำคัญในช่วงฮวงจุ้ยยุค 9 ได้แก่
1. ซูสีไทเฮา (慈禧太后) เป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลในช่วง ค.ศ. 1861-1908 (ยุค 9 - ต้นยุค 3) ท่านขึ้นเป็นหลานกุ้ยเหรินตั้งแต่อายุ 17 ปี และได้รับตำแหน่งซูสีฮองไทเฮาเมื่ออายุ 26 ปี ซูสีไทเฮามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสังคมจีนและในเวทีโลก ท่านเป็นผู้นำจีนที่ทรงอำนาจที่สุดในยุคนั้น ปกครองแผ่นดินในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิถึง 2 พระองค์ติดต่อกันเป็นเวลายาวนานถึง 47 ปี ซูสีไทเฮาพยายามปฏิรูปประเทศจีนให้ทันสมัย แต่ก็ประสบอุปสรรคทั้งจากภายในและภายนอกราชสำนักจนไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังถือเป็นหนึ่งในจักรพรรดินีที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ตลอดระยะเวลาที่ปกครองนั้น ซูสีไทเฮาต้องเผชิญกับความวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีทั้งสงครามฝิ่น การเข้ามาของมหาอำนาจตะวันตก และการจลาจลไท่ผิง แต่ท่านก็พยายามรักษาราชวงศ์ชิงไว้ได้จนสิ้นอายุขัย นับเป็นความสามารถอันน่าทึ่งของผู้หญิงในยุคที่ผู้ชายยังครองอำนาจเบ็ดเสร็จ
2. สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (Queen Victoria) แห่งสหราชอาณาจักร ขึ้นครองราชย์ในช่วง ค.ศ. 1837-1901 (ปลายยุค 8 - ยุค 2)
ขณะมีพระชนมายุเพียง 18 พรรษา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดก่อนจะมีสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 พระราชินีวิกตอเรียทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการผลักดันให้อังกฤษกลายเป็นมหาอำนาจของโลก และวางรากฐานอาณาจักรอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ ในรัชสมัยของพระองค์ อังกฤษมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ขยายอาณานิคมไปทั่วโลก พัฒนาระบบรัฐสภาและกฎหมายต่างๆ จนกลายเป็นต้นแบบของประเทศตะวันตกในยุคนั้น ภายใต้การนำของพระราชินีวิกตอเรีย สหราชอาณาจักรได้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก มีอาณานิคมมากกว่า 1 ใน 4 ของพื้นที่บนโลก ครอบคลุมประชากรกว่า 1 ใน 5 ของประชากรโลกในเวลานั้น นับเป็นจักรวรรดิที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีพระราชินีผู้ยิ่งใหญ่ปกครองอยู่
3. สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสตีล (Isabel I de Castilla)
ทรงมีอำนาจในช่วง ค.ศ. 1474-1504 (กลางยุค 8 - ยุค 9) เมื่อมีพระชนมายุ 23 พรรษา พระองค์ทรงเป็นผู้วางรากฐานให้ "สเปน" กลายเป็นประเทศชั้นนำของยุโรป โดยทรงรวมราชอาณาจักรกัสตีลและอารากอนเข้าด้วยกัน และยึดแคว้นกรานาดาคืนจากชาวมัวร์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงให้การอุปถัมภ์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสในการเดินทางสำรวจและค้นพบทวีปอเมริกาอีกด้วย นับเป็นรัชสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสเปน พระราชินีอิซาเบลที่ 1 ทรงทุ่มเทพระองค์เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสเปน ทำให้มีการรวมอาณาจักรต่างๆ ในคาบสมุทรไอบีเรียเข้าด้วยกัน และนำพาสเปนสู่ความรุ่งเรืองทั้งในด้านการทหาร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม จนกลายเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น
4. อาลีเยนอร์แห่งอากีแตน (Eleanor of Aquitaine) เคยดำรงตำแหน่งสมเด็จพระราชินีของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส รวมถึงเป็นดัชเชสแห่งอากีแตนและแกสโคนี และเคานท์เทสแห่งปัวตู ท่านทรงมีอำนาจในช่วง ค.ศ. 1137-1204 (กลางยุค 9 - หมดยุค 3) ตั้งแต่มีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา อาลีเยนอร์ทรงเป็นสตรีที่มีฐานะและอำนาจมากที่สุดในยุโรปยุคกลาง มีบทบาทสำคัญทางการเมืองโดยผ่านการเป็นพระราชินีของ 2 ราชอาณาจักรใหญ่ ท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสงครามครูเสด ซึ่งเป็นสงครามที่ยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป ทั้งยังเป็น แม่ทัพ นักการทูต และเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ อีกทั้งยังเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปวัฒนธรรมด้วย อาลีเยนอร์ถือเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอำนาจที่สุดและมีบทบาทมากที่สุดในยุคกลางของยุโรป แม้จะมีชีวิตอยู่ในยุคที่ผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิงมาก แต่ท่านก็สามารถใช้สติปัญญาและความสามารถนำพาตนเองไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด และครอบครองอำนาจอย่างกว้างขวางได้ ทั้งยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มากมาย นับเป็นตัวอย่างของสตรีที่สามารถเอาชนะข้อจำกัดของยุคสมัยได้อย่างน่าทึ่ง
จะเห็นได้ว่า เมื่อฮวงจุ้ยเข้าสู่ยุค 9 มักปรากฏผู้นำหญิงที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือผู้ชายอยู่เสมอ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และฉลาดหลักแหลม สามารถนำพาประเทศหรืออาณาจักรของตนให้รุ่งเรืองได้ท่ามกลางความท้าทายมากมาย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สอดคล้องกับธาตุไฟในหลักฮวงจุ้ย ที่แสดงถึงพลังและความเป็นผู้นำ
หากพิจารณาในยุค 9 ปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในช่วง ค.ศ. 2024-2043 ก็พบว่ามีผู้นำหญิงเกิดขึ้นแล้วเช่นกัน อาทิ
เอลิซาเบต บอร์น (Élisabeth Borne) นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของฝรั่งเศส,
จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) นายกรัฐมนตรีหญิงของอิตาลี
และในประเทศไทยเอง คุณนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง ก็ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฟุตบอลหญิงคนแรกของไทย
ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูให้ผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทในวงการกีฬาของประเทศไทยได้มากขึ้น
นอกจากตัวอย่างนักการเมืองหญิงแล้ว เรายังเห็นการเพิ่มขึ้นของผู้นำหญิงในวงการต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในวงการธุรกิจ เช่น วิทนี่ย์ วัฒนะ (Whitney Wolfe Herd) ผู้ก่อตั้งแอป Bumble ซึ่งกลายเป็น Start-up พันล้านที่มีมูลค่ามากที่สุดที่ก่อตั้งโดยผู้หญิง, แมคเคนซี สกอตต์ (MacKenzie Scott) ผู้บริจาคเงินกว่า 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับการกุศลต่างๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือในวงการวิทยาศาสตร์ เช่น ซาราห์ กิลเบิร์ต (Sarah Gilbert) ผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของ Oxford/AstraZeneca และคิมเบอร์ลี ดรูว์ (Kimberly Drew) หัวหน้าทีมวิจัยที่พัฒนาวัคซีน mRNA ของ Moderna ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านทั่วโลก
ความสำเร็จเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของสตรีในสังคมโลกตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นการเกิดขึ้นของผู้นำหญิงในบทบาทใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะของยุค 9 ในทางฮวงจุ้ยที่เน้นความเข้มแข็งและบทบาทของผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้หญิงจะสามารถก้าวขึ้นมาเทียบเท่าหรือเหนือกว่าผู้ชายในเชิงบทบาททางสังคมได้นั้น ยังต้องอาศัยการสนับสนุนในหลายด้าน ทั้งการลดอคติทางเพศ การเปิดโอกาสทางการศึกษาและการทำงาน รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของผู้นำหญิงในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะช่วยจุดประกายความฝันและความมุ่งมั่นของพวกเธอให้ลุกโชนขึ้นได้
ในแง่ของฮวงจุ้ย การที่ผู้นำหญิงเริ่มเพิ่มมากขึ้นในสังคม สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานของโลก จากยุคที่ธาตุดินเป็นใหญ่ ซึ่งเน้นความมั่นคง ก็ค่อยๆ ขยับเข้าสู่ยุคที่ธาตุไฟกำลังทวีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโลกเข้าสู่ยุค 9 ในปี 2024 ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มพลังให้กับความเป็นผู้นำของสตรี
ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นสัดส่วนของผู้นำหญิงในตำแหน่งสำคัญต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในทางการเมือง ธุรกิจ วิทยาศาสตร์ หรือแม้แต่ในครอบครัว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยของยุค 9 เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณของการพัฒนาสังคมสู่ความเท่าเทียมทางเพศที่มากขึ้นด้วย เป็นความท้าทายและโอกาสของสตรีในยุคปัจจุบัน ที่จะได้แสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ และเป็นแรงขับเคลื่อนให้สังคมก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสมดุลและยั่งยืนมากขึ้น
แม้ว่าในช่วงฮวงจุ้ยยุค 9 จะเป็นยุคที่เอื้อให้ผู้หญิงประสบความสำเร็จและมีบทบาทในสังคมมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะถูกลดบทบาทลงไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีความสามารถและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม ดังนั้น สิ่งที่สังคมควรมุ่งหวังคือการสร้างความเท่าเทียมและความร่วมมือระหว่างเพศ มากกว่าการแข่งขันหรือการลดทอนคุณค่าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
นอกจากนี้ การที่ผู้หญิงจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำได้มากขึ้นนั้น ยังต้องอาศัยการสนับสนุนและความร่วมมือจากผู้ชายด้วย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการแบ่งเบาภาระในครอบครัว การให้โอกาสในที่ทำงาน หรือการยอมรับในความสามารถของผู้หญิงอย่างเท่าเทียม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างพยายามทำความเข้าใจและเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ฮวงจุ้ยยุค 9 จะชี้ว่าเป็นยุคที่เหมาะกับการเป็นผู้นำของผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องมุ่งมั่นเป็นผู้นำเสมอไป เพราะผู้หญิงแต่ละคนย่อมมีความฝันและเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีความสุขกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือน บางคนชอบทำธุรกิจส่วนตัว หรือบางคนอาจอยากทำงานเบื้องหลังมากกว่าการเป็นผู้นำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณค่าในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งใดเหมาะสมและสอดคล้องกับตัวตนของเธอมากที่สุด
สุดท้ายนี้ หากมองในภาพรวม การที่ผู้นำหญิงเริ่มเพิ่มมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน ไม่เพียงแต่เป็นผลจากอิทธิพลของฮวงจุ้ยยุค 9 เท่านั้น แต่ยังเป็นผลจากการพัฒนาของสังคมมนุษย์ที่ต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมทางเพศมาอย่างยาวนาน จนในที่สุด เราก็ใกล้จะมาถึงจุดที่ผู้หญิงสามารถมีบทบาทในสังคมได้เท่าเทียมกับผู้ชายมากขึ้น แม้จะยังต้องใช้เวลาและความพยายามอีกมาก แต่ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ
การที่เรามาทำความเข้าใจเรื่องราวของผู้นำหญิงในอดีต และเชื่อมโยงมาสู่โอกาสของผู้หญิงในปัจจุบันผ่านหลักฮวงจุ้ยเช่นนี้ นอกจากจะช่วยให้เรามองเห็นพลังและศักยภาพของผู้หญิงมากขึ้นแล้ว ยังช่วยจุดประกายให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงโอกาสและความท้าทายที่พวกเธอจะต้องเผชิญ เพื่อสานต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น จนสักวันหนึ่ง ความเท่าเทียมทางเพศจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับและให้คุณค่า เพื่อให้โลกใบนี้เป็นสังคมที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชายอย่างแท้จริง
บทความเรียบเรียงโดย อ.รวิ อัญญากาญจน์ (เจ๋อหลาง) fengshuiX.com
บทความมีลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำไปใช้เชิงพาณิชย์ทุกกรณี
แหล่งอ้างอิง:
ประวัติศาสตร์จีน: ซูสีไทเฮา https://en.wikipedia.org/wiki/Empress_Dowager_Cixi
ประวัติศาสตร์อังกฤษ: สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
ประวัติศาสตร์สเปน: สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสตีล https://en.wikipedia.org/wiki/Isabella_I_of_Castile
ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส: อาลีเยนอร์แห่งอากีแตน
ข่าวการเมืองปัจจุบัน: ผู้นำหญิงในตำแหน่งสำคัญ เช่น นายกฯ ฝรั่งเศส อิตาลี
ข่าวธุรกิจ: ผู้ก่อตั้ง Bumble และการบริจาคของ MacKenzie Scott
ข่าววิทยาศาสตร์: นักวิจัยผู้พัฒนาวัคซีนโควิด Sarah Gilbert และ Kimberly Corbett https://www.bbc.com/news/uk-55043551
Comments