ในโลกของธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างดุเดือด การมองหากลยุทธ์และเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ ถือเป็นเรื่องปกติที่เจ้าของกิจการและนักลงทุนต่างให้ความสำคัญ หนึ่งในนั้นคือการใช้หลักโหราศาสตร์จีนอย่าง "ฮวงจุ้ย" (Feng Shui / 风水) ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ หรือความเชื่อที่ไร้เหตุผล
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฮวงจุ้ยไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อลมๆ แล้งๆ แต่มันคือศาสตร์และศิลป์แขนงหนึ่ง ที่มีหลักการและเหตุผลรองรับ เปรียบเสมือนเครื่องมือหนึ่งในชุดกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครบเครื่อง สอดคล้องกับหลักการทาง "การตลาด" (Marketing) และ "การจัดการธุรกิจ" (Business Management) ฮวงจุ้ยเพื่อธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก เพื่อวางแผนกลยุทธ์และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
ยกตัวอย่างเช่น ในหลักฮวงจุ้ย มีการพูดถึงการจัดวางตำแหน่งสิ่งของและการออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของ "ชี่" (Qi / 气) หรือพลังงานชีวิตที่ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้พื้นที่นั้นๆ แนวคิดนี้สอดคล้องกับหลักการออกแบบพื้นที่ทางธุรกิจ (Business Space Design) ที่เน้นการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความประทับใจให้ลูกค้า
อีกตัวอย่างหนึ่งในการใช้ฮวงจุ้ยเพื่อธุรกิจ คือ การเลือกทำเลที่ตั้งร้านค้าหรือสำนักงาน ตามหลักฮวงจุ้ยจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ทิศทางการวางอาคาร ลักษณะภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมโดยรอบ ซึ่งก็คล้ายกับการวิเคราะห์ทำเลทางธุรกิจ (Location Analysis) ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน ทั้งกลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง การคมนาคม และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เพื่อเลือกทำเลที่มีศักยภาพและสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาด
นอกจากนี้ แนวคิดสำคัญของฮวงจุ้ยอย่าง "หยินหยาง" (Yin-Yang / 阴阳) ซึ่งเป็นหลักของความสมดุลและการเกื้อกูลกันระหว่างสองสิ่งที่ตรงข้าม ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารธุรกิจได้เป็นอย่างดี เช่น การรักษาสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย, การผสมผสานระหว่างกลยุทธ์เชิงรุกและเชิงรับ, หรือการสร้างความสมดุลระหว่างการมุ่งเน้นลูกค้าและการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในกลยุทธ์การตลาด เป็นต้น
การทำความเข้าใจหลักการของหยินหยางจะช่วยให้นักธุรกิจสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้อย่างรอบด้าน โดยคำนึงถึงองค์ประกอบทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ไม่ยึดติดกับด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป และพร้อมปรับสมดุลให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
อีกหลักการหนึ่งของ "ฮวงจุ้ยเพื่อธุรกิจ" ที่น่าสนใจ คือ "ทฤษฎี 5 ธาตุ" (Five Elements Theory / 五行) ซึ่งประกอบด้วย ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และทอง (โลหะ) โดยธาตุแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะที่สะท้อนไปยังรูปแบบและกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ
ธาตุดิน เปรียบได้กับธุรกิจที่มั่นคง มีความแน่นอน เน้นความชัวร์ ป้องกันความเสี่ยงให้มาก ไม่เสี่ยง สามารถคำนวณรายรับรายจ่ายล่วงหน้าได้ เช่น ธุรกิจที่มีฐานลูกค้าประจำ มีความมั่นคงทางการเงิน เป็นธุรกิจในสไตล์ "ไม่ชัวร์ไม่ลงทุน" มีการวิเคราะห์วางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ รวมถึงวางแผนป้องกันความเสียหายทางการเงินและธุรกิจไว้อย่างดี
ธาตุทอง เปรียบได้กับธุรกิจมูลค่าสูง มีการตัดสินใจที่เด็ดขาด มีการแข่งขันสูง ต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องไวกว่าคู่แข่งเสมอ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ ธนาคาร การเงิน สินค้าหรู ของมีค่าราคาแพง รวมถึงธุรกิจที่ต้องใช้กำลังทุน กำลังอำนาจ และกลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้มข้นเป็นพิเศษ
ธาตุน้ำ เปรียบได้กับธุรกิจที่ต้องปรับตัวตลอดเวลา เช่น การค้าขาย ซื้อมาขายไป หรือซื้อถูกขายแพง ธุรกิจที่เน้นการพูด เจรจา การประสานความร่วมมือ การทูตทางการค้า รวมถึงธุรกิจที่ต้องรักษาความลับทางการค้าสูง หรือใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อน เช่น ยอมขาดทุนในธุรกิจแรก เพื่อไปกำไรในธุรกิจอื่นแทน
ธาตุไม้ เปรียบได้กับธุรกิจที่อาศัยเครือข่าย การเชื่อมโยง Connection ทั้งกับคู่ค้าและลูกค้า เป็นธุรกิจที่เติบโตไปด้วยกันเป็นกลุ่มก้อน เช่น การสร้างกลุ่มเครือข่ายผู้ประกอบการ เพื่อช่วยเหลือกันทางธุรกิจ การสร้าง Portfolio หรือ Group of Companies ที่อิงอาศัยกัน
ธาตุไฟ เปรียบได้กับธุรกิจที่เน้นความสำเร็จ ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ เช่น ธุรกิจการตลาด การทำโปรโมชั่น การสร้างภาพลักษณ์องค์กร ธุรกิจอินเทรนด์ ตามกระแส นายแบบ นางแบบ รายการโทรทัศน์ หรือสื่อที่ต้องอาศัยเรทติ้งจากผู้ชม พึ่งพาความนิยม รวมถึงธุรกิจความงาม อุตสาหกรรม Software และธุรกิจพลังงาน
จะเห็นได้ว่า หากมองผ่านๆ ฮวงจุ้ยอาจดูเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่ไกลตัว แต่เมื่อศึกษาให้ลึกซึ้ง จะพบว่ามันมีหลักการที่สามารถประยุกต์เข้ากับแนวคิดทางธุรกิจสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ต่างจากการใช้ข้อมูลทางสถิติ (Statistics) หรือการทำวิจัยตลาด (Market Research) เพื่อช่วยในการตัดสินใจนั่นเอง
"ในเกมธุรกิจ ไพ่ใบไหนที่เพิ่มโอกาสชนะ ก็หยิบมันขึ้นมาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นฮวงจุ้ยหรืออะไรก็ตาม"
สำหรับนักธุรกิจหรือนักลงทุนแล้ว การเปิดใจยอมรับและเรียนรู้ศาสตร์แขนงต่างๆ แม้จะดูไม่สอดคล้องกับวิถีปฏิบัติทั่วไป แต่หากสามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทและเป้าหมายของตน เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกล อย่างที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายคนเคยทำมาแล้ว
การมองโหราศาสตร์อย่างฮวงจุ้ยในแง่มุมใหม่ ในฐานะเครื่องมือสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ จึงไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจ หากเรารู้จักประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับหลักวิชาการ เพื่อสร้างความได้เปรียบที่แตกต่างและความสำเร็จที่ยั่งยืนต่อไปในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสไม่รู้จบ
Comments